เหล็ก H-Beam คือเหล็กอะไร? ใช้ทำอะไร?

เหล็ก H-Beam คืออะไร

เหล็ก H-Beam เป็นเหล็กโครงสร้างรูปพรรณรีดร้อน ที่มีหน้าตัดเป็นรูปตัวอักษร H โดยมีแนวตั้งสองแถบที่เชื่อมติดกันด้วยแถบเหล็กแบบเชื่อมต่อ เพื่อให้มีความแข็งแรงและทนทานกับแรงโน้มถ่วง มีหลายขนาดให้เลือก ได้งานเร็ว และเหมาะสำหรับใช้ในการสร้างโครงสร้างต่างๆ เช่น โรงงาน อาคารสูง สนามกีฬา เสาส่งไฟฟ้า ตลอดจนบ้านพักอาศัย


ความแข็งแรงของเหล็ก H-Beam

เหล็ก H-Beam เป็นเหล็กรูปพรรณรีดร้อนที่มีรูปทรงเป็น H และมีความแข็งแรงกว่าเหล็กรูปทรงอื่น โดยมีค่าบ่งบอกคุณภาพของการรับแรงอยู่ที่ 235-245 N / mm2 (~2,400 ksc) สำหรับเกรด SS400, SS490, SS540 และ 400-520 N / mm2 (~4,000-5,300 ksc) สำหรับเกรด SM400, SM490, SM520 เหล็ก H-Beam ใช้งานมากในการสร้างอาคารและสถาปัตยกรรมต่างๆ เช่น สะพาน อาคารสูง และโครงสร้างที่ต้องการความแข็งแรงและทนทานกับแรงโน้มถ่วงสูง 


เหล็ก H-Beam ใช้ทำอะไร

เหล็ก H-Beam ใช้ทำโครงสร้างรูปพรรณรีดร้อน อีกแบบหนึ่ง เหมาะสำหรับงานโครงสร้างเช่นงานสร้างบ้าน, สะพาน, ร้านอาหาร, ร้านกาแฟ, คาเฟ, สโมสร, โกดัง, โรงงานเป็นต้น เหล็ก H-Beam จะมีปีกทั้งบนและล่างเป็นแผ่นเรียบหนาเท่ากันตลอด สามารถรับแรงและโมเมนต์ได้ดีกว่าเหล็ก I-Beam


ขนาดของเหล็ก H-Beam

ขนาดของเหล็ก H-Beam มีหลากหลาย ตั้งแต่ H100 x 50 mm. ถึง H400 x 400 mm. โดยมีความหนาของปีกและความสูงของเว็บแตกต่างกัน ตัวอย่างเช่น เหล็ก H-Beam ขนาด 100 x 100 x 6 x 8 mm. หมายถึง เหล็ก H-Beam ที่มีความกว้างของปีกและความสูงของเว็บเท่ากันคือ 100 mm. และมีความหนาของปีกและเว็บคือ 6 mm. และ 8 mm. ตามลำดับ


เหล็ก H-Beam ข้อดี

 เหล็ก H-Beam มีข้อดีหลายอย่าง เช่น

  • ช่วยลดระยะเวลาการก่อสร้าง และเหมาะสำหรับงานต่อเติมบ้าน
  • มีความยืดหยุ่นตัวสูง รองรับแผ่นดินไหวได้
  • มีคุณสมบัติในการรับแรง รับน้ำหนักมากๆ
  • ช่วยให้การออกแบบโครงสร้างง่ายกว่า เนื่องจากการใช้เหล็กบีมจะช่วยให้ช่วงเสามีพื้นที่กว้างกว่า

ความแตกต่างระหว่างเหล็ก I-beam และ H-beam

เหล็ก H-Beam และเหล็ก I-Beam เป็นเหล็กโครงสร้างที่มีรูปแบบต่างกัน โดยเหล็ก H-Beam จะมีหน้าตัดเป็นรูปตัวอักษร H โดยมีแนวตั้งสองแถบที่เชื่อมติดกันด้วยแถบเหล็กแบบเชื่อมต่อ เพื่อให้มีความแข็งแรงและทนทานกับแรงโน้มถ่วง ส่วนเหล็ก I-Beam จะมีหน้าตัดเป็นรูปตัวอักษร I โดยมีแถบเหล็กแบบเชื่อมต่อที่ยื่นออกไปในทิศทางตรงข้ามกันของแนวตั้ง เพื่อให้มีความแข็งแรงและทนทานกับแรงโน้มถ่วง ใช้ในการสร้างโครงสร้างต่างๆ เช่น โรงงาน อาคารสูง สนามกีฬา เสาส่งไฟฟ้า ตลอดจนบ้านพักอาศัย

การใช้งานของเหล็ก H-Beam จะใช้สำหรับโครงสร้างขนาดย่อมๆ เช่น บ้านพักอาศัย, คานหรือโครงหลังคา, ส่วนเหล็ก I-Beam จะถูกผลิตขึ้นมาเพื่อใช้ในการสร้างโครงสร้างที่ต้องการความแข็งแกร่งในการรับแรงกระแทก เช่น การผลิตเครื่องจักร, การผลิตโครงการขนาดใหญ่, เป็นต้น